การทำตาสองชั้นนอกจากจะเรื่องความสวยงามแล้ว หนังตาตก หย่อนคล้อยลงมาจะทำให้ดูแก่ ดูมีอายุมากขึ้น และบางครั้งหนังตาตกที่มาบังการมองเห็นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมาทำตาสองชั้นอีกด้วย ศัลยกรรมทำตาสองชั้นจึงเป็นหนึ่งในศัลยกรรมที่ทำมากที่สุด แต่การทำตาสองชั้นนั้นมีหลายวิธีมากมาย แล้วเราเหมาะกับแบบไหน แบบไหนดีกว่า? ซึ่งจริงๆแล้วทุกวิธีการทำตาสองชั้นมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุดเหมาะกับทุกคน ศัลยแพทย์ที่ดีควรจะสามารถทำตาสองชั้นได้ทุกวิธี และเลือกวิธีที่ดีที่สุดที่เหมาะกับแต่ละคน เรามาดูกันว่าการทำตาสองชั้นมีกี่วิธี วิธีไหนบ้าง แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ในปัจจุบัน การทำตาสองชั้น มีหลากหลากวิธีและเทคนิคที่แตกต่างกันออกไปตามความถนัดของจักษุแพทย์แต่ละท่าน และตามความเหมาะสมกับดวงตาของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการทำตาสองชั้นในผู้หญิงหรือทำตาสองชั้นในผู้ชาย การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับลักษณะของดวงตาเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญมาก เรามาดูกันว่าการทำตาสองชั้นสามารถทำวิธีใดได้บ้าง และแต่ละวิธีเหมาะกับลักษณะดวงตาแบบไหน
ใช้เลเซอร์ที่มีชื่อว่า Plexr (เพล็กเซอร์) คุณสมบัติคือใช้คลื่น plasma ให้ผิวหนังบริเวณเปลือกตาส่วนที่หย่อนคล้อยหายไป เหมาะกับคนที่ตาสองชั้นอยู่แล้ว แต่มีหนังตาหย่อนคล้อย หนังตาตก เล็กน้อย และยังไม่อยากผ่าตัด โดยไม่ต้องกลัวเรื่องรอยแผลเป็น หรือผลข้างเคียงอื่นๆ ไม่ทำอันตรายกับเนื้อเยื่อหรือบริเวณข้างเคียง สามารถทำได้กับทุกสภาพสีผิว
พลังงาน Plasma จะแตกต่างจากพลังงานเลเซอร์ (พลังงานเลเซอร์จะพลังงานสูง ลงลึก ทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่ายกว่า) Plasma จะให้ความร้อนที่ผิวหนังที่เพียงประมาณ 60 องศาเซลเซียส แต่สามารถทำให้ผิวหนังส่วนที่ตกหรือที่หย่อนคล้อยไม่มากหายไปได้ และเกิดเป็นชั้นตา
1. คนที่มีชั้นตาอยู่แล้ว แต่มีหนังตาตกหรือหย่อนลงมาเล็กน้อย เพราะตัว Plexr สามารถจี้เก็บหนังตรงชั้นตา ทำให้ชั้นตาชัดขึ้นได้
2. คนที่ยังไม่อยากผ่าตัด
1. ยังไม่อยากผ่าตัด กลัวการผ่าตัด
2. มีโรคประจำตัวที่ทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้
1. ข้อจำกัดคือคนที่มีตาชั้นเดียวแล้วต้องการมีตาสองชั้น เลเซอร์จะไม่ได้ผลดี
2. เปรียบเทียบกับการผ่าตัดทำตาสองชั้นแล้ว การทำตาสองชั้นวิธีผ่าตัดจะได้ผลดีและสวยงามกว่า
คือการทำตาสองชั้นโดยไม่ต้องกรีด จะใช้วิธีเย็บชั้นที่เปลือกตาโดยเจาะเป็นรูที่เปลือกตา 3 จุด ไม่เป็นแผลกรีด เป็นวิธีการทำตาสองชั้นที่นิยมทำกันมากวิธีหนึ่ง เหมาะกับเคสที่มีตาชั้นเดียว หนังตาและไขมันไม่หนา ไม่หย่อนคล้อย เวลาหลับตาจะเนียนไม่เห็นแผล แต่ต้องระวังในเรื่องของชั้นตาที่อาจจะหลุดง่าย และการเย็บทะลุเปลือกตา
1. คนที่มีตาชั้นเดียว โดยที่หนังและไขมันบริเวณเปลือกตาไม่หนา
2. วัยรุ่น หรือคนที่ผิวบริเวณเปลือกตาไม่หย่อนคล้อย
1. ไม่เห็นรอยแผลเป็น การทำตาสองชั้นวิธีนี้ เมื่อแผลติดดีรอยแผลจะไม่ค่อยเห็น เนื่องจากรูเล็กมาก
2. การทำตาสองชั้นวิธีนี้อาจจะบวมน้อย เพราะเป็นแค่การเย็บ 3 จุด จะกระทบเนื้อเยื่อบริเวณเปลือกตาน้อยมาก (แต่อาจไม่แตกต่างจากการทำตาสองชั้นวิธีกรีดแผลเล็กมากๆ ในศัลยแพทย์ที่ชำนาญ)
1. คนที่ปริมาณหนังตา และไขมันบริเวณเปลือกตาไม่มากเกินไป
2. วัยรุ่น หรือคนที่ผิวบริเวณเปลือกตาไม่หย่อนคล้อย
1. คนที่มีหนังตาตกมาก หนังตาจะตกมาปิดหลังจากยุบบวม ชั้นจะเล็กลง หรือยังมีหนังตาย้อยลงที่หางตา
2. คนที่เปลือกตาหนามาก การทำตาสองชั้นวิธีนี้ ชั้นตาจะดูอูมๆกว่าปกติ เนื่องจากเป็นการทำตาสองชั้นโดยเย็บชั้นตาขึ้นไปให้สูงขึ้น โดยไม่ได้เอาผิวหนังและเนื้อเยื่อเปลือกตาส่วนเกินออก ดังนั้นหากเป็นคนที่มีหนังเปลือกตามาก หรือเคสสูงอายุที่มีความหย่อนคล้อยมากแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัดแบบกรีดยาวร่วมกับการตัดหนังตาส่วนเกินออกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและสวยงามกว่า
คล้ายกับการทำตาสองชั้นแบบแผลเล็ก แต่เป็นการกรีดแผลยาวขึ้น เพื่อให้สามารถเย็บชั้นตาได้ตลอดแนว โดยไม่ได้ตัดหนังตาส่วนเกินออก วิธีนี้ผลลัพธ์ไม่แตกต่างจากการทำแบบแผลเล็กแต่รอยแผลยาวกว่า บวมนานกว่า
1. คนที่ปริมาณหนังตา และไขมันบริเวณเปลือกตาไม่มากเกินไป
2. วัยรุ่น หรือคนที่ผิวบริเวณเปลือกตาไม่หย่อนคล้อย
1. ลดโอกาสการเกิดหนังตาที่หางตาตกมากกว่าในแผลเล็ก (แต่ถ้าหนังตาตกเยอะมากก็เอาไม่อยู่)
2. การทำตาสองชั้นวิธีนี้ เป็นการกรีดแผลยาว จึงสามารถเอาไขมันออกได้มากขึ้น โดยเฉพาะในคนที่เปลือกตามีไขมันมาก ฝนเคสวัยรุ่นที่เปลือกตาไม่ได้มีความหย่อนคล้อยก็สามารถใช้เทคนิคนี้ได้
เป็นการทำตาสองชั้นแบบกรีดยาวเพื่อให้สามารถออกแบบชั้นตาได้ตลอดแนว วิธีนี้จะสามารถเอาไขมันส่วนเกินออก ตัดหนังตาส่วนเกินที่หย่อนคล้อยและลงมาบังชั้นตาออกได้ด้วย เป็นเทคนิคที่สามารถใช้ได้กับทุกวัย ไม่ว่าจะวัยรุ่น หรือกลุ่มคนสูงอายุ คนที่มีชั้นตาอยู่แล้วแต่รู้สึกว่ายังไม่ค่อยชัด ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้
1. เหมาะกับทุกเคส ทั้งวัยรุ่น และวัยที่มีความหย่อนคล้อย
2. คนที่มีหนังตาตก มีหนังตาและไขมันบริเวณเปลือกตามาก
2. คนที่มีชั้นตาอยู่แล้ว แต่อยากให้ชัดขึ้นอีก
การเปิดหัวตา คือการผ่าตัดตกแต่งหนังตาที่ปิดบริเวณหัวตา เพื่อให้บริเวณหัวตาดูกว้างขึ้น เห็นชั้นตาบริเวณหัวตาชัดขึ้น รูปร่างตาดูยาวขึ้น ความโค้งของชั้นตาบริเวณหัวตาดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่หนังตาลงมาปิดบริเวณหัวตา ทำให้ตาดูเหล่ การเปิดหัวตานี้ก็จะช่วยได้ แต่หากคนใดที่มีมุมหัวตาที่เปิดอยู่แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเปิดหัวตา
การทำตาสองชั้นและเปิดหัวตาร่วมด้วย คุณหมอจะพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมในแต่ละคน ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการทำตาสองชั้นแล้วจะมีความจำเป็นต้องเปิดหัวตาร่วมด้วย
1. คนที่หนังตาลงมาปิดบริเวณหัวตามาก ทำให้ตาดูเหล่
2. คนที่อยากได้ชั้นตาใหญ่ แต่มีหัวตาปิด
1. ตามีรูปร่างเรียวยาวขึ้น
2. ทำให้เห็นชั้นตาตั้งแต่บริเวณหัวตา (แล้วแต่ความต้องการส่วนบุคคล)
3. ในเคสที่มีระยะห่างระหว่างตาสองข้างมาก การเปิดหัวตาจะช่วยให้หัวตายาวขึ้น ใกล้จมูกมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาตาเหล่ได้
4. ในเคสที่ต้องการชั้นตาใหญ่ แต่หนังที่หัวตาปิด การผ่าตัดเปิดหัวตาจะช่วยให้ชั้นตาเป็นธรรมชาติมากขึ้น
1. อาจเกิดแผลเป็นที่บริเวณหัวตา ในช่วงแรกหลังทำจะเห็นรอยแผลบริเวณหัวตาชัดมาก ลักษณะจะเป็นขีดเส้นๆลงมาตรงบริเวณหัวตา แต่จะค่อยๆจางลงไปได้เอง ในบางเคสที่เป็นแผลนูนสามารถใช้การฉีดคีลอยด์ช่วยให้ยุบลงไปได้
2. ต้องระวังการเปิดหัวตาที่มากเกินไป เพราะหากเปิดแล้วไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาปิดได้ นอกจากจะทำให้ตาดูไม่เป็นธรรมชาติแล้ว ก็อาจส่งผลกับการทำศัลยกรรมจมูกในอนาคต
การที่มีเบ้าตาลึกนั้น จะไม่สามารถทำตาสองชั้นธรรมดาทั่วไปได้ เพราะหลังทำจะไม่มีชั้นตา เบ้าตาจะยังลึกเหมือนเดิม การทำตาสองชั้นในคนที่เบ้าตาลึกนั้น คุณหมอจะต้องประเมินวิธีการที่จะแก้ไขเบ้าตาลึกในแต่ละคนแตกต่างกัน ซึ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียด เบ้าตาลึกเหมือนกัน แต่ละคนต่างกันคุณหมอจะเลือกใช้วิธีที่แตกต่างกัน
1. คนที่เบ้าตาลึก หรือตาเป็นร่องบริเวณเหนือเปลือกตา
1. ไขมันที่ย้ายมาเติม แพทย์จะเอาไขมันจากบริเวณใกล้เคียงในเปลือกตาของคนไข้เอง ย้ายมาใช้หนุนร่องลึกให้กลับมาเต็มตื้นมากขึ้น แน่นอนว่าเป็นเซลล์ไขมันจากร่างกายของคนไข้เอง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอนเพราะไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม ไม่มีอาการแพ้ ไม่มีผลข้างเคียง
2. หน้าเด็กขึ้น ปัญหาเบ้าตาลึกจะทำให้เราดูโทรม และแก่กว่าวัย หลังจากแก้ไขปัญหาตรงนี้ไป ใบหน้าเราจะกลับมาดูสดใสอ่อนเยาว์มากขึ้น
1. บวมนานกว่าการทำตาสองชั้นแบบทั่วๆไป ใช้เวลาในการเข้าที่ช้ากว่า
2. ขึ้นอยู่กับไขมันของแต่ละคนว่ามีมากน้อยขนาดไหน เนื่องจากแพทย์จะเอาไขมันจากบริเวณด้านในเปลือกตาของคนไข้เอง จึงต้องขึ้นอยู่กับไขมันของคนไข้ด้วยว่ามีเหลือให้ย้ายมาหนุนร่องลึกได้มากน้อยขนาดไหน
3. ในรายที่เคยทำตามาก่อน แล้วแพทย์เอาไขมันออกไปมาก อาจทำให้ไม่เหลือไขมันให้ย้ายมากนัก
ศัลยแพทย์แต่ละท่านอาจมีเทคนิคและความชำนาญที่แตกต่างกัน
การศัลยกรรมตาสองชั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรมเปลือกตา โดยสามารถทำเพื่อการรักษาหรือเพื่อเสริมความงามก็ได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือการมีตาสองชั้นที่สวยและดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นยังช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีหนังตาหย่อยคล้อยจนชั้นตาหาย ตาปรือหรือตาสองข้างไม่เท่ากันซึ่งเป็นอาการบ่งชี้ของภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือผู้ที่มีปัญหาหาบริเวณรอบดวงตาอื่น ๆ
ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจทำตาสองชั้น ควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อให้แพทย์ได้ทำการวินิจฉัยและเลือกแนวทางที่เหมาะสมว่าแต่ละคนควรจะทำตาสองชั้นวิธีไหนดี เพื่อทำเรามีดวงตาที่สวยและเพิ่มความมั่นใจให้กับเรามากยิ่งขึ้น
เทคนิคทำตาสองชั้นแบบสาวเกาหลี โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Inz Clinic
อินซ์คลินิกเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านจักษุ ศัลยแพทย์ทุกท่านเป็นจักษุแพทย์เฉพาะทาง มีความรู้ทางส่วนประกอบของเปลือกตาเป็นอย่างดี จึงทำให้การทำตาสองชั้นกับจักษุแพทย์มีความปลอดภัยมากกว่า ทำให้ผลงานการผ่าตัดเป็นธรรมชาติ ลดโอกาสเกิดผลแทรกซ้อน และปลอดภัยสำหรับดวงตา
จุดเด่นในการทำศัลยกรรมตาสองชั้นที่ inZ Clinic
ผลการผ่าตัดทำตาสองชั้นขึ้นกับโครงสร้างรอบดวงตา ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดทำตาสองชั้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัดก่อนการผ่าตัด ปัจจัยเหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการการผ่าตัด ดังนั้น ควรศึกษารายละเอียดในการเตรียมตัวก่อนทําตาสองชั้นให้ดีก่อนการผ่าตัดทำตาสองชั้น โดยสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1.งดอาหารเสริม วิตามิน C,E น้ำมันตับปลา สมุนไพร 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
2. หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลก่อน ถึงแม้การทำตาสองชั้นจะเป็นการผ่าตัดโดยใช้แค่เฉพาะที่ แต่เพื่อความปลอดภัยที่สุด
3. นอนหลับให้เพียงพอ ไม่ต้องงดอาหารก่อนผ่าตัดทำตาสองชั้น
4. เตรียมแว่นตากันแดดมาเอง เพื่อหลังผ่าตัดทำตาสองชั้นแล้วสามารถใส่ป้องกันฝุ่นละอองได้อีกด้วย
5. ถึงแม้หลังผ่าตัดทำตาสองชั้นจะไม่บวมมาก แต่ไม่แนะนำให้ขับรถกลับเองหลังผ่าตัด เพื่อความปลอดภัย
6.เตรียมวันหยุด ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้พักหลังผ่าตัดทำตาสองชั้น อย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อลดการใช้สายตาและมีเวลาประคบแผลมากขึ้น แผลจะหายเร็วขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันในการผ่าตัดทำตาสองชั้น คือ การดูแลหลังการผ่าตัด เพราะถ้าหากผ่าตัดมาแล้ว ไม่ดูแลแผลหรือดูแลบริเวณรอบดูตาให้ดี ก็มีโอกาสที่ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดทำตาสองชั้นจะตามมา อาจจะส่งผลเสียต่อการผ่าตัดทำตาสองชั้น ดังนั้น หลังจากผ่าตัดทำตาสองชั้นเรียบร้อยแล้ว ควรปฏิบัติตามข้อต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. หลังผ่าตัด 48 ชั่วโมงแรก วางเจลประคบเย็นเพื่อให้หายเร็วขึ้นโดยใช้ผ้าก๊อซรองก่อน ระวังไม่ให้แผลเปียก ถ้ามีเลือดซึมสามารถใช้ผ้าก๊อซกดที่แผล ไม่ต้องแรง จนกว่าเลือดจะหยุดซึม
2. นอนศีรษะสูงกว่าปกติใน1-2 คืนแรกของการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม
3. ทำความสะอาดแผลวันละ 1-2ครั้ง โดยใช้ไม้พันสำลีสะอาดชุบน้ำเกลือ แล้วเช็ดคราบเลือดซึมบริเวณแผล
4. ป้ายยาฆ่าเชื้อแบบขี้ผึ้งที่แผลบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
5. ห้ามแผลโดนน้ำอย่างเด็ดขาด จะทำให้แผลติดเชื้อได้
6. หลังวันที่ 3 เป็นต้นไป หากมีรอยเขียวช้ำ ให้ประคบอุ่น (ระวังไม่ให้ร้อนเกินไป) ช่วยให้หายเร็วขึ้น สามารถสลับกับประคบเย็นได้เพื่อช่วยให้ลดบวมเร็วขึ้น ถ้าไม่มีรอยเขียวช้ำให้ประคบเย็นต่อไป
7. ยาละลายลิ่มเลือดหรือวิตามินที่หยุดกินก่อนผ่าตัด สามารถกินได้หลังผ่าตัด วันที่ 3 หรือเมื่อไม่มีเลือดออกซึมแล้ว
8. หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เหล้า ไข่ อาหารทะเล 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันแผลนูนคัน
9. กินยาฆ่าเชื้อจนหมดที่แพทย์สั่ง ยาแก้ปวดกินเฉพาะเวลามีอาการ
10. ออกไปข้างนอกให้ใส่แว่นตากันลมฝุ่น สิ่งสกปรก
11. มาตัดไหมตามนัด 5-7 วัน
สรุป การทำตาสองชั้นแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ไม่มีวิธีใดดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มีวิธีที่ดีที่สุดของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ดังนั้นแพทย์ที่ผ่าตัดควรจะสามารถทำได้ทุกวิธีและเลือกวิธีที่สุดสำหรับแต่ละคน
บริการ ทำตาสองชั้น ทำตาสองชั้น ศัลยกรรมตา อินซ์คลินิก เป็นคลินิกศัลยกรรมตาโดยแพทย์เฉพาะทางจักษุ
หากสนใจปรึกษา ทำตาสองชั้น ที่เหมาะกับเรา สามารถส่งรูปเข้ามาปรึกษาเบื้องต้นได้ที่นี่